ครั้งที่ 5
ประจำวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558กิจกรรมก่อนเรียน
อาจารย์แจกอุปกรณ์ คือ ถุงมือ แล้วใส่ข้างที่ไม่ถนัด จากนั้นแจกกระดาษให้ 1 แผ่น แล้วให้วาดรูปมือตามจิตนาการ ดูว่าเราจะจำมือที่ตนเองเห็น สัมผัส ทุกวัน อยู่ติดกับตัวเราตลอด 24 ชั่วโมง ได้หรือไม่
จากนั้นเมื่อวาดเสร็จให้ถอดถุงมือและดูว่าเหมือนหรือไม่ และให้วาดมือของตนเองลงในกระดาษอีกครึ่ง โดยครั้งนี้ให้เรามองเห็นมือของตนเอง วาดให้ออกมาเหมือนที่สุด
การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ทักษะของครูและทัศนคติ ต้องมีการปรับทัศนคติของตนเองซะก่อน ให้มองเด้กพิเสษเหมือนเด็กคนหนึ่งทั่วไปในห้อง มองให้เหมือนเด็กปกติ **ห้ามมองเด้กแบ่งแยก
การฝึกเพิ่มเติม
- การอบรมระยะสั้น สัมมนา ทางโรงเรียนมีการจัดให้ ( ไม่ต้องกังวล )
- สื่อต่าง ๆ อินเทอร์เน็ตีคำตอบ หนังสือเด็กพิเศษ แต่อ่านแล้วต้องกรอง ว่าสิ่งใดเป็นเท็จเป็นจริง ต้องดูให้เหมาะสมกับเด็กของเรา
- เด็กมักคล้ายกันมากกว่าต่างกัน โดยเฉพาะพัฒนาการ เด็กออทิสติก พฤติกรรมที่ดี พัฒนาการที่ดีจะมาจาก การเชื่อใจครู
- ครูต้องเรียนรู้และมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กพิเศษและเด็กปกติ เพื่อความเข้าใจเด็กโดยการ พูดคุย สนทนา ทักทาย ช่วยเหลือ และการทำกิจกรรมร่วมกัน
- มองเด้ให้เป็น " เด็ก " เด็กแต่ละคนต่างกัน ต้องจำชื่อเด็กให้ได้ทุกคนทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง
- การเข้าใจพัฒนาการเด็ก จะช่วยให้สามารถมองเห็นควางแตกต่างของเด็กแต่ล่ะคนได้งาย
- คุยเรื่องเด็ก พยายามคุยแต่เรื่องดี ๆ จดจำภาพลักษณ์ที่ดี
- รู้อาการของเด็กเก็บไว้กับตัว ปล. อย่าไว้ใจครูข้างห้อง
- วุฒิภาวะ
- แรงจูงใจ
- โอกาส
การสอนโดยบังเอิญ
- ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม
- เด็กเข้าหาครูมากเท่าไรยิงมีโอกาสสอนมากเท่านั้น
- เด็กพิเศษจะสนใจในการเรียน เมื่อสอนตัวต่อตัว
- หลักสำคัญของครูห้องเรียนรวมคือ ใจเย็น
- เด็กจะวิ่งเข้ามาหาเมื่อมีปัญหา
- การเชื่อมโยงสิ่งที่ทำอยู่ คือ เมื่อเกิดปัญหาแลัว ควรสอนจากปัญหา
- ครูตั้องพร้อมที่จะพบเด็ก
- ครูต้องสนใจเด็ก
- ต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อเด็ก
- ต้องมีอุปกรณ์และกิจกรรมล่อใจเด็ก ในกรณ๊ที่อุปกรณืไม่เพียงพอ การแบ่งโต๊ะในการทำกิจกรรม มีหลาย ๆ กิจกรรมจะช่วยได้
- ต้องตั้งใจจริงที่จะทำให้เด็กเกิดความรู้
- ครูต้องไม่ใช้เวลานานในการติดต่อกับเด็ก
- ครูต้องทำให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
- สิ่งที่จะดึกความสนใจของเด็กมาก
- มีลักษณะง่าย ๆ
- ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
- เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติ
- เด็กปกติเรียนรู้ที่จะช่วยเหลื่อเด็กพิเศษ
- สื่อ อุปกรณ์ จะต้องไม่มีวิธีการเล่นที่ตายตัว เช่น บล็อก
- สื่อต้องไม่แยกเพศ
- เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ
- กิจกรรมที่ดีสำหรับเด็กพิเศษจะต้องคาดเดาได้
- จะทำให้เด้กรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ
- คำนึกถึงความเหมาะสมแก่เวลา
ความยืดหยุน
- การแก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
- ยอมรับขอบเขตความสามารถของเด็ก
- ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน
- ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลในอาชีพอื่น ๆ
- สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
- ควรมีการแทรกการบำบัด เช่น การร้องเพลง ดนตรี
เด็กทุกคนสอนได้
- เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ
- เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
- เด็กทุกคนมีความสามรถอยู่ในตนเอง ครูสำคัญมากในการมอบ โอกาส
แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กสำคัญมาก
มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก และมักจะเห็นผลในทันที
หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้น ๆ ก็จะลดลงและหายไปวิธีการใหแรงเสริมจากผู้ใหญ่
วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่
- ตอบสนองด้วยวาจา
- การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
- พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง
- สัมผัสทางกาย
- ให้ความช่วยเหลือ ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
หลักการให้แรงเสริมเด็กปฐมวัย
- ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์
- ครูต้องละเว้นความสนใจทุกครั้งที่เด็กทำพฤติกกรมที่ไม่พึงประสงค์
- ครูให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
การแนะนำหรือบอกบท ( Prompting )
- ย่อยงาน
- ลำดับความยาก ง่ายของงาน
- การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อย ๆ ก้าวไปสู่ความสำเร็จ
- การบอกบทจะค่อย ๆ น้องลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
- สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
- วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อย ๆ ในแต่ละชิ้น
- สอนจากง่าย ไป ยาก
- ให้แรงเสริมทันทีที่เด็กทำได้ หรือ เมื่อ เด็กพยายามอย่างเหมาะสม
- ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
- ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายมากที่สุด
- ทีละขั้นไม่เร่งรัด ยิ่งชิ้นเล็กเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น
- ไม่ดุหรือตี
กำหนดเวลา
- จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความสุข
ความต่อเนื่อง
- การเข้าห้องน้ำ
- การนอนพักผ่อน
- การหยิบ หรือ เก็บของ
- การกลับบ้าน
เด็กตักซุป
- การจับช้อน
- การตัก
- การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อนจะเข้าปาก
- การเอาช้อนและซุปเข้าปากแทนที่จะทำให้หดรดคาง
- การเอาซุปออกจากช้อนเข้าปาก
การลดหรือหยุดแรงเสริม
- ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
- ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
- เอาอุปกรณ์ หรือ ของเล่นออกไปจากเด็ก
- เอาเด็กออกจากของเล่น
การนำไปประยุกต์ใช้
Applications
1. สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับเปลี่ยนทัศนคติของตนเองที่สมีต่อเด้กพิเศษได้
2. ทราบถึงการบอกบท และพร้อมที่จะนำไปใช้กับเด็กได้
3. สามารถนำไปใช้กับเด็กพิเศษเมื่อเจอหรืออยู่ในสถานการณ์จริงได้
การประเมิน Assessment.
ตนเอง ตั้งใจเรียนดี แต่งการสุภาพเรียบร้อย เข้าเรียนตรงเวลา
เพื่อน มีความสนใจเรียน และทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เข้าเรียนตรงเวลา
อาจารย์ สอนสนุกสนาน มีสาระ พร้อมยกตัวอย่างประกอบในเนื้อหาที่เรียน แต่งกายสุภาเรียบร้อยเหมาะสม เข้าสอนตรงเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น